หลังจากที่จัดหนักที่ฝั่งทั้งกินและเที่ยวมาแล้วในตอนที่ 1 ของทัวร์ระนอง คราวนี้เราก็จะออกเรือไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเกาะบ้างครับ ซึ่งที่ระนองมีเกาะให้เที่ยวหลายเกาะ ทั้งเกาะช้าง เกาะเหลา เกาะค้างคาว ,, แต่ที่ตอนนี้นิยมไปกันคือเกาะพยามครับ ซึ่งผมก็เลยอยากรู้ว่าเค้าไปเกาะพยามกันทำไม
ข้อมูลที่ต้องรู้และการเตรียมพร้อมก่อนไปเกาะ
การเตรียมพร้อมหลักๆ มันขึ้นกับว่า เราจะไปกี่วันและจะทำอะไรบ้าง
- พวกที่พักมีหลายเกรดนะ ตั้งแต่คืนนึงสองสามร้อย จนถึงคืนละห้าหกพัน ,, มันต่างกันที่ Facilities ,ความหรูหรา, วิว และพวกบริการพิเศษต่างๆ ,, ยกตัวอย่างเช่นการบริหารไฟฟ้า รีสอร์ทที่ราคาไม่แพงมากเค้าจะปั่นไฟเป็นเวลาเฉพาะช่วงเย็นๆ ถึงหัวค่ำ (นอกจากนั้นเราก็อยู่ในโลกที่ไม่มีไฟฟ้ากัน) แต่ถ้ารีสอร์ทหรูๆ บางที่เค้าจะปั่นไฟให้เราใช้ตลอดเวลา มีแอร์ มีน้ำอุ่น ก็พึงสังวรณ์ว่าเงินที่เราจ่ายแพงส่วนนึงก็เพื่อพวกนี้ด้วย ,, แต่ถ้าให้แนะนำ ผมว่ามีชีวิตเรียบๆ ไม่ต้องมีอะไรปรุงแต่งก็ดีนะ อยู่รีสอร์ทของชาวบ้าน อยู่ได้ในราคาที่ไม่แพงและใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่ามากๆ
- ราคาอาหารบนเกาะจะแพงกว่าบนชายฝั่งหน่อยนึง ประมาณว่าเราไปกินอาหารตามห้าง อาหารจานเดียวก็ตก 50-60 บาท ขนมต่างๆ ก็จะแพงกว่านิดหน่อยในระดับที่รับได้ ส่วนพวกของใช้ต่างๆ แนะนำว่าหามาจากฝั่ง (รวมทั้งอะไรที่เราเอามา ไม่ควรทิ้งเป็นภาระบนเกาะด้วย)
- บนเกาะมีสัญญาณมือถือ AIS แน่ๆ (เพราะผมใช้อยู่) แต่เจ้าอื่นไม่รู้ครับ
- การเดินทางบนเกาะ ถ้ามีเวลาไปอยู่ซักเจ็ดวันสิบวัน แนะนำว่าให้เดินเอา เพราะบรรยากาศมันชิลมากๆ เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า และถนนบางส่วนยังเป็นทรายและไม่ได้ออกแบบมาสำหรับขับขี่บวดยาน ,, แต่ถ้าอยู่สั้นๆ สองวันสามวันแนะนำให้เช่าจักรยานยนต์แล้วขี่รอบๆ เกาะ ซึ่งสะดวกรวดเร็วมาก และเราสามารถออกจากที่พักช่วงดึกๆ ได้ (เพราะไม่มีไฟฟ้าน๊ะจ๊ะ)
- เสื้อผ้าแนะนำว่าเอาไปเท่าที่ใส่จริง จะเผื่อก็อย่าเยอะ หรือถ้าจะอยู่หลายวันก็อาจต้องเลือกเสื้อผ้าพวกที่ใส่ง่าย ซักง่าย ไม่ต้องรีด ไม่ต้องกลัวยับ ,, ส่วนกระเป๋าก็เช่นกัน พยายามแพ็คให้น้อยชิ้นที่สุด กระเป๋าควรเป็นเป้สะพาย ไม่แนะนำเอาเป็นกระเป๋าล้อลาก เนื่องจากพื้นที่ในการลากไม่ค่อยมีลานกว้างเรียบๆ ให้เข็นเฉิดฉายกระเป๋าใบสวยสักเท่าไหร่
- ไปเกาะพยามแนะนำว่าไปพักผ่อน เงียบๆ สงบๆ อย่าเอางานไปทำหรือสร้างกิจกรรมที่อึกทึกคึกโครมมาก ,, ซึ่งจริงๆ บนเกาะก็มีบาร์+ดนตรีแนวๆ เร๊กเก้นะ เราไปนั่งแจมๆ ได้ (ทั้งนี้การเลือกที่พักที่ใกล้กับบาร์อาจมีเสียงดังตอนกลางคืนนะ)
- ประชากรหลักของเกาะนี้เป็นฝรั่งประมาณ 70%, ชาวบ้าน 25%, ส่วน 5% คือนักท่องเที่ยวไทย

ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเถอะ
เปิดศักราชที่ท่าเรือ
หากตั้งใจจะไปเที่ยวเกาะพยามแล้ว แนะนำให้ตื่นเช้ากันนิดนึงครับแล้วไปที่ท่าเรือตรงปากน้ำครับ (ส่วนตัวผมแนะนำให้กินข้าวไปให้อิ่มก่อนขึ้นเรือนะ) เราจะขึ้นเรือกันที่นี่ โดยเรือที่นี่มีให้บรืการคือ
- เรือเมล์ธรรมดา เป็นเรือใหญ่ นั่งได้เจ็ดแปดสิบคนได้ แถมบรรทุกของได้เพียบ ,, ออกวันละ 2 รอบ คือ ขาไปเกาะพยาม 09.30 และ 14.00 น. และขากลับ 08.00 และ 14.00 น. (อาจเลทเล็กน้อยหากมีน้ำขึ้นน้ำลงจนเอาเรืออกไม่ได้) สนนราคาเที่ยวละ 150 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนตัวแนะนำเรือเมล์ โดยเฉพาะคนที่เมาเรือหนักหรือวันที่คลื่นสูงมากๆ
- สปีดโบ๊ท แล่นฉิวสู่เกาะพยามในเวลาประมาณ 30-45 นาที ,, ออกวันละ 2 รอบเช่นกัน คือ ขาไปเกาะพยาม 10.00 และ 14.30 น. และขากลับ 09.00 และ 13.30 น. สนนราคาเที่ยวละ 350 บาท


ตอนที่ผมมาถึงท่าเรือค่อนข้างเช้า แต่คนก็เริ่มๆ ทยอยมาเรื่อยๆ ,, ส่วนเรือก็จอดแน่นึ่ง เพราะน้ำยังไม่ขึ้น

ระหว่างรอน้ำขึ้น เราก็มาปักหมุดแผนที่ที่จะเที่ยวกันดีกว่า มีทั้งอ่าวและจุดชมวิวหลายที่ ,, ส่วนพวกรีสอร์ทที่ผมไม่ได้พักหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผมไม่ได้ปักหมุดไว้นะครับ
ดู ลุยเดี่ยวเที่ยวใต้ ภาคระนอง :: ตอนที่ 2 ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า
ปู้นๆ เรือออกแล้วจ้า
ราวเก้าโมงสี่สิบห้า เจ้าหน้าที่ก็ให้สัญญาณลงเรือครับ ,, อยากบอกกว่าช่วงนี้ชุลมุนมากๆ ทั้งนักท่องเที่ยวก็จะแย่งกันลงไป คนเรือก็จะขนของ แถมมีบางคนลืมของอีกก็ต้องวิ่งมาเอา บางคนมาเลทอีก วุ้ย!! เอาเป็นว่าค่อยๆ ลงเรือและก็หาที่นั่งที่ชอบของตัวเองครับ

และแล้ว ,, เรือก็ค่อยๆ แล่นออกจากฝั่ง บรรยากาศแถวนั้นฝั่งนึงจะเป็นย่านประมงและแรงงานพม่า อีกฝั่งจะเป็นป่าชายเลน ,, แรกๆ ที่ออกมาจากท่าเรือผมว่าทะเลแถวนั้นไม่ค่อยสะอาดทั้งจากขยะและคราบน้ำมัน แถมมีกลิ่นคาวๆ จากการทำประมงด้วย มีเรือประมงจอดเรียงกันเป็นตับ แถมเห็นแรงงานพม่าต่อคิวทำอะไรสักอย่างด้วยแหละ อิอิ





เรือลำที่ผมขึ้น นอกจากคนขับไทย ก็มีแรงงานพม่าอีก 2-3 คน นอกจากนั้นฝรั่งล้วน มีผมคนเดียวที่เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย ,, ฝรั่งเวลาเดินทางเค้าจะชอบอ่านหนังสือสลับกับเดินชมวิว ดูดบุหรี่ และนอนหลับเป็นพักๆ (มีกรนด้วย) ,, ส่วนผมก็ดูแหม่ม นั่งเล่นทวิตเตอร์ และสลับกับถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของเรือ ,, คิดว่าฝรั่งมันก็คงรำคาญผมเหมือนกัน ฮาๆๆๆ
แต่พออกมาจากฝั่งสักพัก กลิ่นไอทะเลที่ไม่มีกลิ่นคาวเริ่มมา เรือประมงเริ่มน้อย น้ำทะเลเริ่มสวย วันนี้อากาศดีครับ คลื่นลมสงบ ,, เราก็อินกับบรรยากาศป่าชายเลนด้านนึง ส่วนอีกด้านก็เป็นทะเล มองเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยบ้าง ส่วนเกาะใหญ่ๆ ที่เห็นเค้าเรียกว่าเกาะช้างน่ะครับ เห็นว่าคนก็ชอบไปเที่ยวเหมือนกัน




สองชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไป ,, เราก็ถึงฝั่งแล้วครับ
ณ ท่าเรือเกาะพยามจ้า
มาถึงฝั่ง แม้ไม่เมาเรือแต่ก็มึนได้ที่ ,, วันนี้แดดแรง ฟ้าใสดี ทะเลสีคราม เห็นชายหาดลิบๆ

เอิ้กๆๆๆๆ กางแผนที่มาดูก่อนดีกว่า
ดู ลุยเดี่ยวเที่ยวใต้ ภาคระนอง :: ตอนที่ 2 ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า
พอมาถึงเกาะพยาม ,, ก่อนอื่นเราก็ต้องวิ่งปรี่ไปหาที่เช่ามอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นยานพาหนะหลักในการไปเที่ยวที่ต่างๆ ของผมกันก่อน ตอนที่ผมไปค่าเช่ามอไซวันละ 200 บาท, น้ำมันลิตรละ 50 บาท ,, แต่ถ้าใครต้องการแค่ให้มีมอไซไปส่งที่พัก (เท่าที่เห็นเค้าให้ราคาฝรั่ง) ก็ 80 บาทนะ
ถึงชมจันทร์รีสอร์ทที่จองไว้แล้ว ,, รีสอร์ทที่นี่เป็นลักษณะบังกาโลให้เช่า ของผมเช่า 1 หลังจำนวน 1 คืน เค้าคิดราคา 600 บาท ,, เท่าที่สำรวจสภาพแวดล้อมและสภาพห้องถือว่าคุ้มค่าราคามากๆ เพราะเป็นรีสอร์ทติดทะเล จะนั่งชิลติดหาดหรือจะนอนตากลมที่เก้าอี้ผ้าใบก็ได้, สภาพห้องก็โอเคนะครับ ดูแล้วน่านอนมาก




แต่ที่นี่ไม่ใช่บังกะโลไฮโซมาก เลยยังมีพวกข้อจำกัด เช่น ปั่นไฟฟ้าเฉพาะ 18.00-22.00 น. หลังจากนี้จะใช้ไฟจากโซล่าเซล ถ้าแดดแรงก็จะมีไฟใช้จนถึงดึกๆ แต่ถ้าวันไหนแดดร่ม อีกประมาณชั่วโมงนึงไฟจะดับ ซึ่งมันจะลำบากตรงที่ไม่มีพัดลม+ยุงกัด แต่เราก็สามารถย้ายตัวเองไปนอนริมหาดได้ ลมแรงดีมาก (แต่ก็มืดๆ ดูน่ากลัวๆ นิดนึงอะนะ) แต่ถ้าใครจำเป็นต้องชาร์จแบตหลายสิ่งอันเช่นแบตกล้อง, แบตมือถือ แนะนำว่าให้ฝากเฉพาะแบตไว้ที่ Counter ชาร์จ เพราะในห้องเรามีปลั๊กแค่อันเดียวซึ่งเหมาะกับการเสียบพัดลมมากที่สุด
ไม่ได้โปรโมทหรือโฆษณา แต่ว่าถ้าสนใจลองโทรไปจองได้ที่ 085-6784166 ครับ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บของรีสอร์ทก็ได้นะครับ (ส่วนรีสอร์ทอื่นๆ ที่มีคนแนะนำผมมาบ้างก็มีพวกซิลเวอร์แซนด์, พยามค๊อทเทจ และวิจิตรบังกาโล )
เอาเป็นว่า เก็บของแล้วรีบไปรับลมทะเลดีกว่า
ขับรถเล่นรอบเกาะ
เกาะพยามจะมีถนนเส้นหลักที่เป็นถนนคอนกรีตกว้างระดับมอไซสองคันสวนกันได้ เป็นแกนกลางและพาไปยังพวกสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ เช่นอ่าวใหญ่ ท่าเรือ หรือพวกรีสอร์ทต่างๆ ,, แต่พวกสถานที่เล็กๆ ถนนมันจะไม่ได้เป็นถนนคอนกรีตดีๆ อะ ,, บางทีก็เป็นดินลูกรัง, บางทีก็เป็นทราย, บางทีก็ต้องลุยป่าฝ่าดง, ขับขึ้นเนินและถนนที่ไม่เรียบ บางเส้นทางชันและอันตรายมากๆ เช่นตรงทางเข้าหมู่บ้านมอแกน จะเป็นทางดินที่ชันมาก เหมาะกับการเดินเท่านั้น กับอีกอย่างที่แนะนำคือ เวลาหลังพระอาทิตย์ตกควรรีบกลับที่พัก อย่าไปเดินแรดเข้าหาดเข้าป่าเพราะว่ามันมืด เกาะไม่ได้มีไฟส่องสว่างนะ


แรกๆ ผมออกแนวงงๆ เหมือนกัน ขี่รถวนไปมา กว่าจะเริ่มจับทางที่เที่ยวได้ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยเหมือนกัน แต่ที่เที่ยวหลักๆ บนเกาะมักเป็นพวกหาดและจุดชมวิวอะ
อ่าวใหญ่
ชื่อมันบอกว่าอ่าวใหญ่ เป็นชายหาดที่กว้างมากระดับเดินแล้วเมื่อย กะระยะทางแล้วจะประมาณ 3-4 กม. ได้ โดยอ่าวใหญ่จะมีคลองเล็กๆ แบ่งอ่าวให้เป็น 2 โซน คือโซนบนซึ่งใหญ่กว่ากับโซนล่างที่เล็กกว่า ซึ่งรอบๆ อ่าวใหญ่นอกจากจะมีต้นไม้ล้อมรอบแล้ว ก็ยังพบที่พัก, บังกาโล (ถ้าเดินหาดีๆ จะพบที่พักถูกๆ คุณภาพดีแถวนี้นะ เห็นมีฝรั่งคนนึงนอนคืนละแค่ 200 เองอะ), และพวกบาร์เบียร์ต่างๆ ซึ่งตอนดึกๆ เราก็สามารถแว๊บมานั่งที่นี่ได้




อ่าวใหญ่เหมาะมากสำหรับการเดินทอดอารมณ์ เพราะด้วยระยะทางของมันและลักษณะชายหาดที่โรแมนติกมากๆ ,, อ่านแล้วอาจงง เพราะถ้าสังเกตจริงๆ ทรายที่ชายหาดของอ่าวใหญ่จะไม่ใช่ทรายที่ขาวละเอียด แต่ลักษณะจะเป็นทรายปนเลนสีดำๆ หน่อยนึง ,, แต่การที่มันมีสีดำปนนี่แหละคือความโรแมนติกของมัน เพราะตอนพระอาทิตย์ตก เราจะเห็นชายหาดที่ถูกเคลือบด้วยน้ำทะเลนั้นใสเหมือนกระจกสะท้อนเลย




พระอาทิตย์ตกทุกวัน แต่เมื่อมองไปแล้วกลับสวยกว่าทุกวันที่เป็น
หมูบ้านมอแกน
ส่วนตัวผมว่าหมู่บ้านมอแกนที่นี่ไม่ค่อยน่ามาเท่าไหร่ อย่างที่เล่าให้ฟังคือหนึ่ง ทางไปหมู่บ้านมอร์แกนนี่ลำบากในการขับจักรยานยนต์มากๆ และชาวมอแกนไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้านะ ,, ถ้าไปแถวนี้ก็แค่ไปดูบ้านเรือนเค้า (ที่ส่วนมากอพยพออกมาจากหาดหลังโดนสึนามิ) และก็ดูเค้าเก็บกาหยูหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั่นแหละ (ซึ่งจริงๆ บนเกาะก็มีต้นกาหยูโคตรจะเยอะ ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทั้งเกาะอยู่แล้ว)



อ่าวเขาควายแบบ Unseen
จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาที่จุดนี้เลย กะแค่ว่าเดินจนถึงสุดทางของหมู่บ้านมอแกนพอ อยากรู้แค่มันมีอะไร ไปถึงสุดทางก็เป็นโซนโขดหิน ชาวบ้านเรียกแถวนั้นว่าหัวแหลมของอ่าวเขาควาย ซึ่งเป็นจุดที่สุดแล้วของอ่าวเขาควาย ลักษณะแถวนี้เป็นป่า ทั้งป่าจริงจังและป่าชายเลนสลับกับโขดหินและดินเลน มีหาดทรายนิดหน่อย ,, ถามถึงระดับความน่ามาเรียกว่าติดลบ สังเกตจากนักท่องเที่ยวที่มีผมแค่คนเดียว



แต่ถ้าใครต้องการความสดและแปลกใหม่ต้องมาที่นี่แหละครับ ชาวบ้านบอกว่าต้องรอน้ำลงก่อนประมาณห้าโมงกว่าๆ ถึงจะเห็นของดี ,, เอาก็เอาวะ ไปหาดไหนมันก็คงคล้ายๆ กันแหละ ลองดูของแปลกที่นี่ละกัน



พอน้ำลงถึงจุดๆ นึง อยู่ดีๆ ก็มองเห็นเนินทรายคล้ายเกาะโผล่ขึ้นกลางทะเล ,, ผมก็เดินฝ่าทะเลความลึกประมาณเมตรกว่าๆ ไปอยู่บนเนินนั้น ,, ดูๆ แล้วเนินนั้นไม่มีอะไร ก็มีแต่ปู (ไม่รู้จักชื่อ) ซักร้อยตัว ไม่แปลกอะไรนี่นา

แต่พออยู่บนเนินซักพัก ปูมันไม่ได้มีแค่ร้อยตัวหรอกครับ มันมีประมาณแสนเป็นล้านตัวหรือมากกว่านั้น ,, พื้นที่ที่เป็นเนินนั้นฉาบไปด้วยสีส้มที่เป็นสีของขาปูเต็มแน่นยกเว้นรอบๆ ตัวผม ซึ่งมันเจ๋งมากๆ เลยแฮะ ,, ผมพยายามวิ่งไปถ่ายรูปมันแต่ปูก็ขุดดินกลบตัวเองเพื่อหนีผม เอาว่าเก็บภาพมาตามที่จะพอถ่ายไหวก็แล้วกัน




บรรยากาศบนเนินนั้นมันสุดยอดจริงๆ
กลางคืนแห่งเกาะพยาม
อันนี้ก็แล้วแต่จะเลือกนะครับ มีตั้งแต่จะเลือกนอนพักเงียบๆ ที่บังกาโล สบายๆ , นอนชิลที่หาดทราบหน้าบังกาโลรับลมทะเล นอนดูดาว, หรือจะไปนั่งดื่มและฟังดนตรีตามบาร์ต่างๆ บนเกาะ (เท่าที่สังเกตออกแนวเรกเก้, สกาเป็นหลักนะ) ราคาเครื่องดื่มไม่ได้แพงมากนะ ถูกกว่าตามผับชื่อดังในกรุงเทพฯ ละกัน ,, แต่มีข้อแนะนำว่าการออกที่พักตอนกลางคืนถ้าไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปก็นี่จะมีไฟฉายเล็กๆ ติดไม้ติดมือนิดนึง เพราะมันมืดและอาจเห็นทางไม่ค่อยชัด
เดินทางกลับระนองแล้ว
แหกขี้ตาตื่นไปท่าเรือเพื่อขึ้นเรือกลับ (เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเที่ยวเช้าที่เรือออก 8.00 น. นะเธอ) ,, จริงๆ ใจผมก็อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้ แต่ว่าด้วยความจำกัดของหน้าที่การงาน ทำให้อยู่ที่เกาะได้แค่คืนเดียว ทั้งๆ ที่อาจจะอยู่ซัก 2-3 คืน เที่ยวก็ยังไม่ค่อยครบ ความสงบก็ยังไม่ค่อยพีค… เอาเถอะ แค่นี้ก็มีความสุขมากๆ แล้ว คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยมาใหม่ก็แล้วกันนะ เจ้าเกาะพยาม




ปิดทริปเที่ยวระนองสองวันสองคืนจำนวนสองภาคแบบสมบูรณ์ ,, หมดภาคนี้ขอแว้บกลับกทม. แป๊บนึง ,, แล้วเดี๋ยวภาคหน้ามาต่อทริปเที่ยวใต้แบบซุปเปอร์คอมโบครับ