ช่วงกลับเชียงใหม่อาทิตย์ก่อน ผมก็ได้นัดแก๊งส์เพื่อนๆ นักชิมทั้งหลายไปหาอะไรกินกัน ทีแรกผมอยากกินหลายที่เลย แต่ว่าพวกเธอๆ ทั้งหลายเคยไปมาหมดแล้ว คิดไปคิดมาหลายนาที สุดท้ายตกลงกันว่าจะไปที่ร้าน Nakara Jardin ครับ (อ่านว่า นครา จาร์แตง)
ฟังชื่อแล้วหรูมากเบยยยส์ ไม่คุ้นแนวสไตล์นี้เท่าไหร่แฮะ แต่เห็นเพื่อนๆ เคลมกันว่าเป็นร้านหรูหรา บรรยากาศดีมากๆๆๆ ติดแม่น้ำปิง เชฟรูปหล่อ (อันนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ) จบมาจากเลอกอดองเบลอที่กรุงเทพฯ แต่สิ่งร่ำลือกันอีกอย่างคือราคาแพงมากๆ

เอิ่ม… เอาเป็นว่าลองไปดูซักทีคงไม่เสียหายหรอกนะ 😉
ว่าด้วยการเดินทาง
แนะนำให้หาโรงแรมพิงค์นคราให้เจอก่อนครับ เทียบแล้วถ้าเรามาถึงโรงแรมพิงค์นคราได้ก็เรียกว่ามาถึงร้านนคราจาร์แตงได้แล้ว ,, แต่ผมอยู่เชียงใหม่มาตั้งนาน ไม่ค่อยยักจะคุ้นชื่อโรงแรมนี้เลยแฮะ…
จริงๆ โรงแรมก็อยู่ในส่วนตัวเมืองเลยนะ โดยโรงแรมพิงค์นครานี่ถ้ามาจากทางโรงเรียนมงฟอร์ตเล็กก็จะอยู่เลยโรงเรียนเรยีนาเชลีมาหน่อย ก่อนถึงวัดชัยมงคล แต่ถ้ามาจากทางโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่าก็จะกลับกัน โดยเมื่อเรามาถึงสามแยกโรงแรมเชดีก็เลี้ยวขวาย้อนมานิดนึงแทน ,, ตัวโรงแรมจะอยู่ทางขวามือ เป็นตึกสีขาวสวยงามท่ามกลางสุมทุมพุ่มไม้ ไม่สังเกตอาจขับเลยได้ง่ายๆ
งงก็ดูแผนที่ตามสูตร

ดู Nakara Jardin ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า
แต่พอถึงโรงแรมพิงค์นคราใช่ว่าร้านเราจะอยู่ภายในตัวโรงแรมเลย เราต้องเข้าซอยทะลุตัวโรงแรมไปอีกหน่อยครับ (แนะนำให้ถามยามครับ) หรือถ้าไม่แน่ใจให้จอดรถที่โรงแรมแล้วเดินเข้าซอยประมาณ 100 เมตรก็ได้ แต่แนะนำว่าเอารถเข้าซอยไปจอดที่หน้าร้านดีกว่าครับ เพราะที่จอดร่มกว่า และมีให้เลือกเยอะกว่าครับ
ร้านเปิดตั้งแต่ 10.00-18.00 น. เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ ,, ไม่แน่ใจลองโทรไปได้ครับที่ 053-818977
ก้าวย่างเข้ามาในร้าน
บรรยากาศในร้านช่วงที่ผมไปนี่เป็นวันอาทิตย์ประมาณเกือบๆ เที่ยงแล้ว มองจากข้างนอกเข้าไปแล้วไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ มองแล้วมีแต่ต้นไม้เยอะๆ ทีแรกไม่ค่อยกล้าเข้าไป แต่พอเดินเข้าไปหน่อย เริ่มเห็นโต๊ะ เห็นวิว แล้วก็มีพี่ (น่าจะเป็นผู้จัดการนะ) ผู้หญิงเข้ามาคุยด้วย เลยค่อยอุ่นใจหน่อยว่ามันเปิดอยู่


ร้านเค้ามีที่นั่งให้เลือกหลักๆ สองส่วน คือส่วน outdoor กะส่วน indoor ,, ซึ่งมันก็มีข้อดีข้อเสียของมันนะ อย่าง outdoor เนี่ยสวยเลยแหละ วิวดีเว่อร์ ติดแม่น้ำ แต่ถ้าอากาศร้อนหรือเจอฝนเนี่ยจะลำบากพอตัว (แม้ว่าร้านจะมีร่มเตรียมให้แล้วก็ตาม), ส่วน indoor เนี่ย แอร์เย็นสบาย แต่ว่ามีที่นั่งน้อย แล้วแลดูเหมาะกับการกินแค่ของหวานมากกว่า เพราะถ้าหกเลอะเทอะทีคงดูแลเรื่องพรมลำบาก




คิดไม่ออกว่าจะนั่งข้างนอกหรือข้างใน เลยนั่งมันทั้งคู่ไปเลย แบบว่า กินของคาวข้างนอก แล้วต่อของหวานด้านใน 🙂
และแล้วก็เริ่มสั่งอาหารได้
ก็เริ่มต้นที่เครื่องดื่มก่อนครับ ครั้งนี้สั่ง Mango smoothies และ Strawberry&Banana smoothies ครับ ส่วนตัวผมว่าก็อร่อยดีนะ แต่งหน้าสวยดี ดับร้อนได้ระดับนึงเลย

ต่อมาเป็นพวกออร์เดิร์ฟทั้งหลาย ทั้ง…
- ซีซาร์สลัด ,, ผักสดดี แต่ส่วนตัวผมว่าของที่นี่เฉยๆ นะ เคยเจอที่เด็ดกว่า อิอิ
- ฟัวกราส์ ,, ผมไม่เคยกินมาก่อนนะ ครั้งนี้เป็นคำแรกในชีวิต ฮาๆๆๆ ส่วนตัวเฉยๆ อะ ทีแรกเคยจินตนาการว่ามันจะคล้ายๆ ตับไก่ปิ้ง แต่พอกินจริงๆ ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่แฮะ แถมแอบเลี่ยนไปนิด ต้องกินคู่กับร๊อคเก็ตสลัดที่ให้คู่มาด้วย
- ซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส ,, อันนี้ไม่เคยกินมาก่อนจากที่ไหนเหมือนกัน ที่ผมสั่งเพราะเห็นรูปมันดูน่ากินดีนะ แต่พอกินจริงๆ แล้วไม่ค่อยปลื้มอะ ทั้งรสชาติและกลิ่น ยิ่งกินยิ่งดาวน์ อันนี้ผมไม่แนะนำเท่าไหร่นะ
- จานต่อมาชื่อ Croque Monsieur ,, จานนี้ผมว่าอารมณ์คล้ายๆ กับแซนวิชแต่ใช้ของดีๆ หน่อย เติมชีส เติมผักหน่อย ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ





ต่อมาเป็นพวกพาสต้าครับ…
จานแรกเป็นแองเจิ้ลส์แฮร์ผัดน้ำมันมะกอก+หอยเชลส์+พริกแห้ง อันนี้ผมว่าก็อร่อยดีนะ กลิ่นหอมของทั้งน้ำมันมะกอกและพริกแห้งดูเข้ากันดีกับหอยเชลส์นะ (แอบตินิดที่ชีสข้างหน้ามันเกาะเป็นก้อนไปหน่อย) แต่ที่ผมว่าอร่อยกว่าคือเส้นสปาเก็ตตี้ผัดซอสมันกุ้ง+กุ้งลายเสือ เพราะมันได้ความมันและหอมมันกุ้งที่เคลือบไปตามเส้นสปาเก็ตตี้ แล้วยิ่งกินคู่กับกุ้งทั้งห้าที่แนบมาด้วยนะ ฟินมากๆ เลย


หมดของคาว ตามธรรมเนียมต้องต่อของหวานครับ
ถึงเวลาแห่งขนมเค้ก
อิ่มจากของคาวก็หลบร้อนเข้ามาต่อของหวานในฝั่ง indoor ครับ (ทนร้อนไม่ไหวจริงๆ )
จานแรกเป็นขนมปังฝรั่งเศสราดน้ำผึ้ง เสิร์ฟพร้อมกับไอศครีม, วิพครีมและผลไม้สดต่างๆ ทั้งพีช, ราสเบอร์รี่, แอปเปิ้ล
ส่วนตัวผมว่าก็ใช้ได้นะ แต่ตัวขนมปังชุบไข่ที่เค้าทำมันยวบยาบไปหน่อย ยิ่งราดน้ำผิ้งก็ยิ่งยวบกว่าเดิมไปหน่อย (ทีแรกคิดว่าจะแข็งกว่านี้อะ เพราะจินตนาการแบบชิบูยาฮันนี่โทสต์ของ After You) แต่พอกินกะไอติม+ผลไม้นี่ก็อร่อยดีนะ โดยเฉพาะความหอมหวานของน้ำผึ้งนี่เหมือนเป็นตัวเชื่อมทุกอย่างเข้าหากันเลย


ต่อมาเข้าในส่วนของขนมเค้กครับ…
ขนมเค้กในตู้มีให้เลือกเยอะมากๆ เลย เห็นแล้วละลานตามากๆๆๆ ทีแรกกะจะสั่งมาลองทุกอย่าง แต่กระเป๋าไม่ไหวจริงๆ เพราะก้อนนึงนี่ร้อยกว่าๆ กันหมด (ถือว่าแพงมากกับขนมเค้กที่เชียงใหม่นะ) ,, สุดท้ายเลยเลือกมาแค่สามก้อนครับ อันได้แก่…


ก้อนแรกที่ราคาถูกสุด แต่ผมว่าอร่อยมากๆ คือ Opera ครับ ลงตัวดีระหว่างรสชาติของช๊อกโกแล๊ตและกาแฟ รวมทั้งเค้กในแต่ละชั้นด้วย ผ่านทั้งความนุ่มนวลของรสชาติ, กลิ่นหอมต่างๆ และรสสัมผัสของเนื้อเค๊กและช๊อกโกแล๊ตแต่ละชั้น
ก้อนที่สองเป็น Creme Brulee ครับ ,, อันนี้ผมว่าเฉยๆ นะ แม้หน้าตาจะดูงาม กลิ่นหอมหวาน แต่ผมว่าเนื้อมันเละไปหน่อย + น้ำตาลที่เคลือบชั้นหน้าสุดมันแข็งเกินไป บางทีพยายามจะตักก็ต้องออกแรงกดมากหน่อย เนื้อคัสตาร์ดมันก็เลยแตกกระจายนิดนึง
ก้อนสุดท้ายเป็น Earl Grey tea with Milk Chocolate Mousse เนื้อเนียนโคตรๆ หอมกลิ่นชาเอิร์ลเกรยกับกลิ่นช๊อกโกแล๊ตบางๆ ที่ผสมกันอย่างลงตัวกับเนื้อเค๊กในชั้นด้านใน ตักกินนี่อย่างเพลินอะ



ขนมเค๊กแต่งจานสวยมากๆ ครับ 🙂
ที่มากินวันนี้
ก่อนอื่นผมว่าร้านเค้าแอบหายากนิดนึงนะ แต่ดีที่มีแลนด์มาร์คอย่างโรงแรมพิงค์นคราช่วย ไม่งั้นคงหาร้านไม่เจอแน่ๆ ,, ส่วนบรรยากาศที่ร้านนี่คอนเฟิร์มว่าดีมากๆ แต่ว่าช่วงหน้าฝนส่วนที่เป็น outdoor อาจลำบากนิดนึง ส่วน indoor ข้างในเค้าตกแต่งสวยมากๆ กินเค้ก+ดื่มเครื่องดื่มนี่ฟินมากๆ แต่ถ้ากินกับข้าวในร้านนี่แอบเกรงใจนิดนึง กลัวทำหกเปื้อนพื้นเปื้อนพรมเค้า
ส่วนเรื่องรสชาติอาหารนี่แล้วแต่จะคิดนะ แต่ส่วนตัวผมผมว่ามันเป็นกลิ่นที่ออกทางฝรั่งจ๋าไปหน่อย (แต่ก็คงไม่แปลก เพราะเชฟเจ้าของร้านจบมาจากเลอกอดองเบลอนี่นา) ผมไม่ค่อยปลื้มกับกลิ่นของอาหารคาวแบบนี้มากเท่าไหร่ ,, ส่วนของหวานที่นี่อร่อยดีนะ โดยเฉพาะพวกเค้กนะ อร่อยเกือบทุกก้อนที่ลองสั่งมา แต่ที่ชอบสุดกลับเป็นโอเปร่าอะ

ส่วนราคาที่ทุกคนลือกันว่าแพงมากๆ ส่วนตัวผมก็ว่ามันแพงนั่นแหละ ฮาๆๆๆ แต่ว่าไม่มากจนน่ากลัวนะ ก็พอๆ กับร้านหรูๆ ทั่วไป หรือถ้าเรากลัวว่าไปคนเดียวแต่อยากกินหลายอย่าง เค้าก็มีอาหารชุดได้ ราคาไม่แพงเว่อนะ ส่วนเค๊กนี่อร่อยจริง แต่ก้อนนึงนี่ราคาแอบหนักเหมือนกัน เฉลี่ยๆ แล้วก้อนละประมาณร้อยนึงอะ คนกทม. อาจบอกว่าเฉยๆ แต่ที่เชียงใหม่แล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ,, เอาเป็นว่า วันนี้จะลงราคาอาหารแนบให้ด้วยละกัน

ผมหลงรักวิวของที่นี่นะ 🙂