การมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาก็ทำให้เราปรับตัวไม่น้อย การมีรถคันแรกก็เช่นกันครับ ,, รถยนต์เหมือนจะเป็นความฝันของใครหลายๆ คน แต่ไม่ค่อยใช่กับคนงบน้อยผมซักเท่าไหร่ เพราะมีรถยนต์คันนึงนั้นต้องคิดมากกว่าที่จะแค่ขับรถไปวันๆ แต่เรายังต้องดูแลมันคล้ายๆ ลูกคนนึงเลยก็ว่าได้ ,, เคยคำนวณคร่าวๆ ว่าต้องเก็บตังเดือนนึงราว 4000-5000 บาทในการเลี้ยงดูมัน (ไม่นับค่าผ่อนรถและค่าแต่งรถ) เพราะไหนจะค่าน้ำมัน, ค่าประกันภัย, ค่าภาษี, ค่า maintenance อุปกรณ์ต่างๆ ก็ถือว่าเยอะพอตัวเหมือนกัน
ทีแรกผมเคยตั้งใจว่าจะค่อยๆ เก็บตังซื้อรถไปนะ เอาแบบเก็บไปเรื่อยๆ ซักสี่ห้าปี จนมีเงินก้อนแล้วซื้อสดทีเดียวเลย (เพราะเคยคำนวนดอกเบี้ยจากการผ่อนรถพบว่ามันมีมูลค่าหลายหมื่นบาทเลยอะ แอบเสียดายเหมือนกัน) หรือถ้าจำเป็นมากก็จะไปกู้เงินแม่แล้วผ่อนผ่านแกเอา (ซึ่งน่าจะคิดดอกที่ต่ำกว่าทางลีสซิ่ง) ซึ่งที่คิดๆ ในตอนนั้นกะว่าจะเอาพวกกระบะหรือไม่ก็แนวๆ SUV เพราะว่าเหมาะกับขนาดร่างกายอันใหญ่โตและการขนย้ายของบ่อยๆ แล้ว
แต่วันดีคืนดีผมก็ได้รถยนต์มาโดยบังเอิญ โดยตอนนั้นอาผมซื้อนิสสันมาร์ชแบบเงินสดมา กะว่าเอามาให้ลูกน้องผ่อน แต่พอดีลูกน้องชิงลาออกไปเสียก่อน มันก็เลยเหลือรถว่างคันนึง แถมที่จอดรถก็ไม่มี สุดท้ายส้มหล่นก็เลยตกลงมาที่ผมนั่นเอง ,, ประหนึ่งมึงไม่ต้องเลือกรถเลย กรูจัดให้ ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว!!!


ทีแรกจริงๆ ผมไม่เคยอยากได้รถยนต์เท่าไหร่หรอกนะ เพราะว่าชอบขี่มอไซมากๆ (เคยฝันว่าถ้ามีเงินล้านนึงคงไปซื้อ Ducati มาขี่แทน) แต่หลังจากได้ลองขับมาร์ชแล้ว ผมว่าผมชักไม่อยากขี่มอไซแล้วเท่าไหร่แฮะ ส่วนนึงคงเป็นเรื่องความสะดวกสบาย แต่ส่วนหลักจริงๆ คงเป็นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตอนเราขี่มอไซก็ไม่เคยคิดอะไร แต่พอเรามาขับรถยนต์แล้วกลับพบว่าการขับขี่มอไซนั้นน่ากลัวมาก (ดังที่เห็นคนไข้จากอุบัติเหตุทางจราจรที่มักเป็นมอไซเป็นหลัก แถมมาแต่ละรายเยินๆ ทั้งนั้น)
รูปลักษณ์โดยทั่วไป
แรกๆ แล้วผมดูมันคันก็เล็กๆ ป้อมๆ นะ ดูไปนานๆ ก็เริ่มสังเกตว่ามันดูโฉบเฉี่ยวเพิ่มขึ้น (แต่ก็ยังป้อมๆ เหมือนเดิม) เปิดประตูออกมา จริงๆ ผมว่ามันก็ใหญ่พอตัวเลย ด้านในถือว่านั่งสบายใช้ได้ เก็บของได้เยอะดี ,, คิดว่าเงินที่เราเหลือจาการเอาไปซื้อ/ผ่อนรถนั้นก็จะเอามาแต่งรถแทน (แล้วจะเอามาลงรีวิวเป็นพักๆ นะ)







ความรู้สึกกับนิสสันมาร์ช
พูดตรงๆ ว่าผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับรถยนต์เท่าไหร่แฮะ ประสบการณ์การขับก้ไม่ได้เยอะมาก แต่เอาเป็นว่าสรุปเรื่องราวต่างๆ หลังจากลองขับมาเดือนกว่าๆ มาเล่าดู ,, เริ่มที่ความประทับใจก่อนละกัน
- ประหยัดน้ำมัน – ก็ประหยัดดีนะ ผมขับจากเชียงใหม่-ฝาง ระยะทางราว 150 กม (โดยครึ่งนึงของทางเป็นภูเขา) ใช้เวลา 2 ชม. นิดๆ คิดแล้วก็ประมาณ 60 กว่าๆ กม./ชม. (ถือว่าขับไม่ช้านะ) มันบอกว่ากินน้ำมันไป 20.2 กม./ลิตร หรือถ้าเทียบราคาการเดินทางครั้งนี้ก็ประมาณ 7.5 ลิตร หรือ 275 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพงนะ (แต่คำนวณจริงๆ จากการคำนวณจริงๆ จะตกราว 350 บาทนะ)
- มันกว้างกว่าที่คิด – ก็คือข้างในมันก็กว้างจริงๆนะ ทีแรกคิดว่าคงติดพุงตัวเองแหงๆ แต่ว่าก็เข้าออกสบายอยู่ ที่วางเท้าก็กว้างดี (ทั้งด้านหน้าด้านหลัง) แถมพวกเบาะหลังยังสามารถพับเก็บได้ เพิ่มพื้นที่การขนของได้อีกโคตรทวีคูณ
- ลำโพงเสียงดังดี – คือไม่คิดว่ามาร์ชจะมีลำโพงให้ 4 ตัวในรถ เปิดแล้วก็ถือว่าโอเคมากๆ สำหรับคนหูไม่เทพส์อย่างผม ทั้งเสียงเบส เสียงแหลมก็ถือว่าใช้ได้
- มีความแตกต่างทางชนชั้นสูง – ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือเปล่า แต่นิสสันมาร์ชมีให้เลือกเยอะสไตล์มาก ไม่ใช่แค่เกียร์ธรรมดากับเกียร์ออโต้เท่านั้น แต่มันมีตั้งแต่กระจกไขมือไปจนถึงกดปุ่มสตาร์ท ,, เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็เอาตามนั้นก็แล้วกัน ส่วนอาผมเลือกรุ่น EL มา เพราะแกคงคิดอยู่แล้วว่าอีกหน่อยผมคงต้องเปลี่ยนแมกซ์แน่ๆ ฮาๆๆๆ
- วงเลี้ยวแคบ – อันนี้ชอบมาก เพราะสามารถกลับรถในที่แคบๆ ได้สบาย ประหนึ่งอยากกลับที่ไหนก็กลับ

ส่วนด้านที่ผมมองว่าเป็นข้อด้อยคือ
- จังหวะขึ้นดอย – โดยเฉพาะจังหวะขึ้นชันๆ นี่ต้องบอกตรงๆ ว่าแรงไม่ค่อยมีเวลาขับขึ้นดอยแล้วใช้เกียร์ D (เมื่อเทียบกับตอนที่ขับรถคนอื่น) ส่วนนึงอาจเพราะเครื่องไม่ได้ใหญ่มาก แรงม้าไม่ได้เยอะ อีกส่วนนึงคงเพราะกลัวเปลืองน้ำมัน เลยไม่กล้าเร่งแรงมาก อิอิ
- มุมมองไม่ค่อยดี – โดยเฉพาะสองจุดคือด้านหน้าขวาและหลังซ้าย เช่น เวลาเลี้ยวขวา มันจะไปติดขอบกระจก ทำให้มองไม่ค่อยชัดโดยเฉพาะในจังหวะเลี้ยวขวา ต้องเอี้ยวตัวถึงจะมองรถจากทางขวาเห็น, หรือการมองกระจกหลังซ้ายเวลาถอยก็ทำได้ลำบาก เพราะที่รองหัวตรงเบาะคนนั่งข้างคนขับบังมิดส์
- นิสสันงกในบางจุด – คงเพราะอยากให้มันเป็นอีโค่คาร์ราคาถูกเลยตัดออพชั่นเก๋ๆ หลายอย่างไป ทั้ง Cruise mode, ไฟเตือนต่างๆ, สัญญาณกันขโมย, พรมปูรถ, ไฟตัดหมอก, เก๊ะบนของคอนโชล ฯลฯ ซึ่งพวกนี้ต้องไปหามาติดเพิ่มเองหรือบางอย่างติดเพิ่มไม่ได้ก็ต้องทนๆ ใช้ของเดิมกันไป
- เปื้อนง่าย – คือไม่รู้ว่ารถอื่นเป็นหรือเปล่า แต่เวลาที่ผมขับเร็วๆ ไปลุยผ่านโคลนจะค้นพบว่าจะมีพวกเศษโคลนกระเด็นขึ้นมาเยอะมาก ติดมาตั้งแต่สปอยเลอร์หลัง บางทีตกไปบนหลังคา บางทีก็เจอเศษดินแถวๆ ช่องประตูก็มี ซึ่งในจุดนี้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่ามาได้ไง แต่ที่นี่แน่ๆ คือรถผมมันไม่มีบังโคลน (ซึ่งต้องไปติดเพิ่มเอง)
- ตัวถังอ่อนแอไป – ไม่ว่าคุณจะไปเฉี่ยวชนอะไร รถคุณก็พร้อมจะบุบและเสียหายเสมอ ยิ่งถ้าชนหรือกระแทกแรงๆ รถจะเสียหายค่อนข้างเยอะมาก จนบางครั้งผมก็กังวลกับเรื่อง safety เหมือนกันหากว่าโดนชนเข้าแรงๆ เหมือนกัน

แต่โดยรวมผมว่าเป็นรถที่ขับสนุกมากโดยเฉพาะในเมืองที่ไม่ต้องลุยดินลุยโคลนออฟโรดอะไรมาก ในราคารถที่ไม่แพงเกินไป และอัตราการกินน้ำมันที่ไม่เยอะครับ (ส่วนรีวิวดีๆ แบบเต็มๆ ก็คงต้องลิงก์นี้ละครับ)
คันเล็กมาก กรูขับไม่สบายแน่ๆ ที่บ้านมีคันนึง แม่ขับ กรูขายาวเกินไป
เหรอๆๆ กูขับก็โอดีนะ
รุ่นเดียวกันสีเเกียวกันเลย คันนี้แหละ Bose 2 เสากับเปียนโนแบกมาละ แล้วก็เคยปั่นได้ถึง 170km/h เชียว เติม E20 ก็ได้แต่ Gasohol 91 ประหยัดกว่า ตอนนี้อยู่ที่ 13-14km/l ตกกิโลละ 2.75 บาทครับ
เจ๋งเลยพี่ ตอนนี้เติมน้ำมันถังนึงใช้มาเกินครึ่งเดือนแล้ว กำลังคิดว่าจะถึงวันแม่แบบไม่เติมเลยไหม อิอิ
ดูแล้ว หมอตัวใหญ่กว่ารถอีก
คุ้มครับ คิดไว้ว่าจะซื้อ March เหมือนกัน
ขบวนการจิ๋วรักษ์โลก ^^ ชอบรถเล็กๆคล่องตัวดี
ปล. : เพิ่งรู้นะว่าไม่มีให้กระทั่งเก๊ะ (=0=”) บางทีก็อีโก้เยอะไป
ปลาร้า : ขับขี่ปลอดภัย เปิดไฟใส่หมวก (-..-)/
ตอบคำถาม
– เก๊ะมันมี แต่มีเฉพาะเก๊ะล่าง ,, ข้างบน console เป็นแค่แผ่นพลาสติกใส่ไว้ ซึ่งจริงๆ เราสามารถซื้อเก๊ะที่ศูนย์มาติดเพิ่มเป็นเก๊ะบนได้ (ซึ่งน่าจะติดมาให้เลย)
– เดี๋ยวจะติดไฟเพิ่ม ^^
รับทราบ! รอดูๆๆๆ ^..^
น่ารักดีครับ ส่วนตัวแล้วคิดว่าสวยกว่า honda brio มากๆ (ถึงแม้ผมจะเป็นสาวกฮอนด้าก็ตาม) ชอบตรงที่เป็น 5 ประตู พับเบาะหลังได้นี่แหละ ขนของสะดวกดี ทุกวันนี้ใช้รถเล็ก 4 ประตูแล้ว จะขนอะไรยาวๆ (อย่างเปียโนไฟฟ้า) แล้วมันลำบากจริงๆ T_T
ข้อด้อยนี่ไม่ใช่เฉพาะน้องมีนานะ รถรุ่นเล็กๆ หรือไม่เล็กบางรุ่นก็ไม่มีครับ
แต่ตอนนี้ผมอยากได้มอไซค์มากกว่าแล้วอ่ะครับ
ขับรถยนต์มาตั้งแต่ ม.5 เพราะขับมอไซค์ล้ม ตอนนี้อยากใช้มอไซค์ประหยัดกว่า คล่องตัวกว่าด้วยครับ
ปลายปีว่าจะถอยมอไซค์ไปแอ่วเหนือ 🙂
ประหยัดดีนะครับ สำหรับผม ผมว่าคุณเลือกถูกแล้ว