หลับไปเต็มอิ่มมาจากตอนที่แล้วเพราะว่าครีมกันยุงไว้ยังกะโบกปูนในแทบทุกจุนอกร่มผ้า การหลับเลยราบรื่นเอาเสียมากๆ แถมเมื่อคืนก็หลับไปตั้งแต่หัวค่ำด้วย ,, เช้านี้ก็เลยตื่นมาตั้งแต่พระอาทิตย์ไม่ขึ้น สำรวจตัวเองและสภาพโดยรอบว่ามีอะไรหลุดเข้ามาในเต๊นท์ระหว่างกรูหลับหรือไม่ (เท่าที่ดูก็เรียบร้อยดี) งั้นไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ
ยามเช้าที่สิมิลัน
อยู่เกาะสี่หรือเกาะเมี่ยงนั้น หากจะไปรับแดดแรกของวันเราต้องลุยหน่อยครับ คือเราต้องเดินเข้าป่า (ก่อนพระอาทิตย์จะมืดนิดนึง แต่ก็พอมองเห็นรำไรๆ นะ) ผ่านบ้านปูไก่ แล้วเลยไปอีกนิดก็จะถึงหาดเล็กซึ่งมีชายหาดที่แสนเงียบสงบมากๆ (เพราะคนส่วนมากยังไม่ตื่นกัน) หันออกไปทางทิศตะวันออก เหมาะกับการฟังเสียงคลื่นพร้อมกับรับแสงแดดยามเช้าสุดๆ


ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็กลับมาหาดหน้า เก็บของให้พร้อมและเล่นน้ำทะเลให้เต็มที่ก่อนที่จะไปล่องเรือ แอบเสียดายที่ได้เล่นหาดที่สวยงามมากๆ แค่นิดเดียวเอง ซึ่งกิจกรรมที่เหลือของทัวร์ก็มักจะเป็นการล่องเรือ+กินข้าวบนเรือแทน ,, วู้ๆๆๆ เซ็งหน่อยๆ คราวหน้าจะมาเองดีกว่าเพราะประหยัดกว่าเยอะ โดยเฉพาะสำหรับคนจะมาซึมซับแค่ความสวยงามของหาดเฉยๆ (ซึ่งส่วนตัวคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการพักผ่อนแล้ว) หรือถ้าใครอยากดำน้ำหรือไปเที่ยวเกาะแปดก็ไปกับเรือของอุทยานฯ ก็ได้

ข้อดีอีกอย่างนึงของคนที่ตื่นเช้าๆ คือเราจะได้เห็นหาดหน้าในช่วงที่คนไม่เยอะ เราสามารถกระโดดเล่นบนทรายนุ่มๆ เหมือนกับเป็นหาดส่วนตัวได้สบายๆ ,,
จริงๆ เท่าที่สังเกตนักท่องเที่ยวบางคนมาแค่ one day trip คือมาเช้าเย็นกลับดังนั้นช่วงที่คนจะเยอะคือช่วงที่เรือเอาคนมาลงที่เกาะ ประมาณช่วงสิบโมงเช้าจนถึงประมาณบ่ายสาม ,, แต่พอนอกเหนือช่วงนี้ก็จะมีแค่นักท่องเที่ยวที่พักอยู่เกาะเท่านั้นที่จะมาเล่น ซึ่งไม่เยอะอย่างที่คิด โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ นี่คนน้อยสุดๆ

นั่งเรือใหญ่ไปเกาะต่างๆ
หลังจากหลั่นล้าตอนเช้าได้สักพักก็ต้อง Check-out ออกจากที่พัก จากนั้นก็ทัวร์วันนี้ก็เริ่มกิจกรรมที่ไปกินข้าวเช้าบนเรือแล้วเดินทางยาว แต่ว่าถ้าใครอยากนอนเล่นหาดมากกว่า ไม่ได้เดินทางไปกินกับเรือด้วยก็อาจต้องหาทานเองที่อุทยานฯ นะ (ผมงงๆ เหมือนกันว่าทำไมต้องกินข้าวบนเรือ เพราะว่าอุทยานฯ ก็มีที่ให้กินข้าวนะ ไม่แน่ใจว่ามีประเด็นอะไรกับทางอุทยานฯ หรือเปล่า)
ออ… อีกอย่างคืออาหารของเม็ดทรายไม่มีหมูนะครับ 😀

จากนั้นเรือก็แล่นออกจากเกาะ 4 ไป ส่วนเราก็กินข้าวไป ,, เรือก็ข้ามไปเกาะต่างๆ ของสิมิลัน ไล่ไปตั้งแต่เกาะห้าและหกที่อยู่ติดๆ กัน, ผ่านเกาะเจ็ดไป… อืมมมม จริงๆ นั่งรับลมบนเรือนั่งชมวิวระหว่างไปเกาะต่างๆ ก็ดีเหมือนกันนะ บรรยากาศดีใช้ได้ อากาศก็สดชื่น (ถ้ามีโอกาสอยากไปดำ Scuba กับเค้าเหมือนกันนะ เห็นพวกพี่ๆ ที่มีประสบการณ์เค้าเล่าก็อยากจะลองดูซักที)



พอมาถึงเกาะ 9 ซึ่งถ้ามองจากเรือจะเห็นแค่หาดน้อยๆ แล้วที่เหลือเป็นโขดหินก้อนกลมๆ เกือบทั้งเกาะ ,, พี่ไกด์บอกว่าแถวนี้มีจุดดำน้ำเยอะนะ แต่ส่วนมากเป็นสคูบ้า แต่ Snorkel ก็พอมีบ้าง โดยตรงที่จะไปดำนี่เรียกว่า Christmas Point ,, แต่เท่าที่ลงไปดำๆ ดูนี่ผมว่าเทียบกับเกาะสุรินทร์ไม่ได้เลย ปลาอาจสวยพอๆ กัน แต่ปะการังและสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลสวยงามแตกต่างกันมากๆ ฮะ





ไปเที่ยวมา 4-5 วันแล้ว ดำน้ำทุกวัน แถมถอดเสื้อเล่นน้ำด้วยนะ ,, ตอนนี้ตัวแดง (จากโดนแดดเผาอย่างหนัก) คิดว่าถ้าเล่นน้ำแบบนี้อีกสี่ห้าวันคงตัวดำเหมือนชาวมอแกนแน่ๆ (ฮาๆๆๆ)
มาเหยียบเกาะแปดแล้ว
พอดำน้ำจากเกาะเก้าเสร็จ เราก็มาเกาะแปดหรือเกาะสิมิลันที่อยู่ไม่ได้ไกลกันมาก
จริงๆ เกาะแปดก็เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะสิมิลันเลย โดยเรือใหญ่ของเราจะจอดแถวๆ Donald Duck bay คิดว่าน่าจะเรียกชื่อตามก้อนหินก้อนนึงที่มีลักษณะคล้ายๆ หัวเป็ดนะ ,, จากนั้นก็นั่งเรือยางเล็กเพื่อเข้าหาดและไปดูหินเรือใบที่เป็นหินทรงประหลาดตั้งเด่นอยู่เหนือก้อนหินทั้งปวงบนเกาะแปด ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็น Landmark ของหมู่เกาะสิมิลันเลยก็ว่าได้




เพื่อให้ได้อรรถรสของการผจญภัยอย่างครบถ้วนก็ควรต้องเดินขึ้นไปเยี่ยมหินเรือใบด้วย ซึ่งทางอุทยานฯ เค้าก็ได้ทำทางไว้ให้เดินขึ้นแล้ว แต่ทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือแม้แต่เศษใบไม้หรอกนะ ,, ทางเดินขึ้นหินเรือใบค่อนข้างชันและอันตรายมาก ใครไม่พร้อมเช่นพาอาม่าแก่ๆ ถือไม้เท้ามาก็ให้แกนั่งด้านล่างเหอะ หรือถ้าใครพาเด็กมาก็อย่าปล่อยให้วิ่งซนขึ้นไปคนเดียว เพราะทางบางช่วงเป็นทางโล่งๆ ไม่ได้มีอะไรกั้น
แต่ถ้าใครขึ้นมาก็เรียกว่าคุ้มค่ามากๆ ได้ชมวิวสวยๆ จากข้างบนนี่สุดยอดมากๆ





มีคนถามว่า หินเรือใบทรงตัวอยู่ได้อย่างไร ,, นี่คงเป็นความลับกระมัง

เอาฮานะครับ 😀
แล่นเรือกลับหาด
หมดเวลาเที่ยวสิมิลัน ,, ช่วงเวลาแห่งความสุขสองวันหนึ่งคืนนี่ผ่านไปเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวเลย เก็บของขึ้นสปีดโบ๊ทเพื่อขึ้นฝั่งกันเถอะครับ ,, แม้ว่าที่หมู่เกาะสิมิลันท้องฟ้าจะแดดจ้าสมกับเป็นหน้าร้อน แต่ที่ฝั่งนี่เมฆสีเทาดำก่อตัวครึ้มหนามาแต่ไกล เป็นลางว่าน่าจะมีฝนตกในเร็วๆ นี้แน่ๆ (ลืมบอกว่าหน้ามรสุมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันปิดนะครับ ,, อุทยานฯ เปิดเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนเท่านั้นนะ)


พอมาถึงทับละมุ การเดินทางของผมมี 2 ทางเลือกครับ คือไปกระบี่หรือภูเก็ต (เพราะรถตู้ที่เดินทางจากหน้าออฟฟิสเม็ดทรายมีอยู่แค่นี้ ที่เหลือเราต้องหาทางไปเอง) ,, แอบตกใจเพราะว่าเป้าหมายจริงๆ จะไปที่ตรัง…. มาแบบนี้เอาไงดีวะ….

ไปภูเก็ตละกันครับ
ดูรูปแล้วอยากไปโดดน้ำมากกก ไม่ได้ไปมา 10 ปี แระ
ไปภูเก็ตแล้ว เย้ๆ วะฮุ้วว ~
จะว่าไป นี่ท่าเด็ดใช่มะ –> d(^0^)b ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ
ภาพสวยเว่อร์………….. กรี๊ดๆๆๆ
น้ำมันสีฟ๊าฟ้า
ได้ข่าวว่าพี่แอนก็ไปกระบี่มา ,, คริๆๆๆ
ทะเลไทยสวยมากๆ