หลังจากที่เปิดห้องอาหาร Sky Lounge ของตึกใบหยก 1 ไปแล้ว
วันนี้ก็จะลองไปห้องอาหารที่ชั้นสูงกว่าเดิมครับ เนื่องจาก entry นี้จะพาไปตะลุยตึกใบหยก 2 หรือ Baiyoke Sky Tower ครับ ซึ่งเป็นตึกสูงที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ และจากทุกครั้งที่มองตึกใบหยกจากพื้นราบ วันนี้ก็จะพาไปชมวิวตอนกลางคืนของกรุงเทพฯ จากตึกที่สูงที่สุดด้วย แหล่มมากๆ ครับ

เลิกมองใบหยกจากประตูน้ำ ,, แล้วมองประตูน้ำจากใบหยกซักวันละกัน 😀
ความซับซ้อนแห่งใบหยก 2
ตึกใบหยก 2 เป็นอาคารใกล้ๆ กับตึกกใบหยก 1 ครับ พอเดินเข้ามาแล้วทางข้างในตึกจะค่อนข้างซับซ้อน ส่วนตัวแนะนำว่าให้หาหรืออย่างน้อยสอบถามบริกรซักท่านของทางอาคารให้ช่วยนำทางขึ้นไปครับ ซึ่งวันนี้ผมจะไปชั้นที่สูงกว่าเดิมคือชั้น 79 ครับ

จริงๆ ในตึกใบหยก 2 มีร้านอาหารหลายร้านนะครับ ทั้งแบบเนื้อสเต๊ก, บุฟเฟ่ต์นานาชาติ แต่วันนี้จะลองไปชิมอาหารจีนครับ ชั้น 79 ชื่อห้องอาหาร Stella ครับ ,, เพียงแค่เปิดลิฟท์ออกมาก็รู้แล้วครับว่าหรูมากๆ บรรยากาศงี้ทำให้ขนลุกฟู่ๆ ขึ้นมาเลย
ห้องอาหาร Stella ช่วงวันจันทร์-ศุกร์จะเปิดเฉพาะช่วงเย็นครับ ตั้งแต่เวลา 17.30-23.00 น. , ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จะเปิดสองช่วงครับ คือมื้อเที่ยง ตั้งแต่ 11.00-14.00 น. และมื้อเย็น 17.30-23.00 น. ครับ แนะนำให้ไปเร็วๆ นิดนึง จะมีอาหารออกมาใหม่ๆ ร้อนๆ กว่านะครับ

เท่าที่สังเกตห้องอาหารนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ คือเป็นส่วนที่เรานั่งกินแล้วเดินไปตักบุฟเฟต์แบบธรรมดา กับแบบมีห้องแยกส่วนตัว (เท่าที่เห็นมีคาราโอเกะบริการด้วย) ซึ่งจะมีรถคาราวานเดินไปเสิร์ฟเมนูต่างๆ (แต่ค่าใช้จ่ายกับจำนวนคนไม่แน่ใจเหมือนกัน) แต่เท่าที่ลองนั่งดู แค่โต๊ะธรรมดาก็หรูมากๆ แล้ว

บรรยากาศในห้องอาหารตกแต่งได้ดีครับ สะอาดเรียบร้อยดีมาก มองกวาดๆ ดูลูกค้าเต็มเกือบทุกโต๊ะ โดยเฉพาะโต๊ะติดหน้าต่างนี่ไม่มีขาดเลย เพราะวิวเค้าดีจริงๆ ซึ่งวันนี้ก็โชคดีที่จองไว้ก่อน ผมก็ได้นั่งโต๊ะติดหน้าต่างด้วย วิวดีมากๆๆๆ



แถมพอดีโต๊ะข้างๆ มีวันเกิดด้วย ก็มีวงดนตรี trio สามคนมาเล่นเพลง HBD และเพลงอื่นๆ ให้ถึงโต๊ะเลย น่ารักมากๆ

ได้โต๊ะแล้วก็เดินไปตักอาหารเลยครับ
เดินมาตักอาหารกันดีกว่า
อย่างที่ทราบๆ กันว่าที่นี่เป็นห้องอาหารจีน หลักๆ ก็เป็นอาหารจีนชั้นยอดมากมาย มีอาหารเรียงรายเยอะมาก เอาเป็นว่าผมพยายามชิมอย่างละนิดละหน่อยแต่ก็ยังไม่ครบเลย แถมชื่อก็ยาว จำเมนูได้ไม่หมด เอิ้กๆๆๆ แต่เดี๋ยวค่อยๆ ไล่ดูละกัน

เริ่มที่ขาหมูน้ำแดงกับหมั่นโถวครับ เข้าคู่กันใช้ได้ ไม่เลวๆ


ต่อไปเป็นห่ำสุยกอครับ อารมณ์ประมาณเป็นแป้งข้าวเหนียวห่อใส้ครับ อารมณ์ประมาณผัดกุยช่าย แป้งเหนียวนุ่มอร่อยดี

ต่อมาเป็นพวกข้าวอบต่างๆ ที่จำได้ก็มีข้าวอบทะเล กับข้าวอบสเตล่า ใส่ถ้วยสีขาวอย่างดี เท่าที่ลองชิมรสชาติถือว่าใช้ได้เลย แต่กินไม่หมดอะ เพราะหม้อนึงก็เยอะเหมือนกัน


ต่อมาก็เป็นหมูกรอบครับ เลือกส่วนที่ติดมันไม่มากมาครับ ทอดได้กรอบดีเยี่ยม

ต่อมาก็เป็นโซนหม้อสุกี้ครับ เลือกผักเลือกอาหารได้ตามสบายครับ มีซีฟู้ดด้วย คล้ายๆ เมนูสุกี้ฝั่งใบหยก 1 ครับ แต่ที่นี่ดิสเพลย์ดีกว่า แถมมีน้องพนักงานช่วยตักด้วย


ต่อมาก็เป็นสายติ่มซำครับ มีทั้งแบบธรรมดาๆ พวกขนมจีบ ซาละเปา ฮะเก๋า หรือพวกติ่มซำประยุกต์ก็มี


จากนั้นก็เป็นเมนูกุ้ง ทั้งกุ้งราดซ้อสส้ม และกุ้งต้มกินกับน้ำจิ้มแบบต่างๆ ส่วนตัวผมว่ากุ้งเค้าสดดีนะ รสชาติโดยรวมก็ถือว่าโอเคเลย


นอกจากนั้นก็มีเมนูอร่อยๆ อื่นๆ อีก พูดตรงๆ ว่าเยอะครับ รสชาติโดยรวมอร่อยปานกลาง ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายมาก เป็นไปตามมาตรฐานอาหารจีนครับ ,, ส่วนนึงคือผมคงอิ่มมาก และพยายามยัดอาหารลงไป เท่าที่สังเกตส่วนมากถ้าไม่เป็นพวกอาหารทะเลก็จะเป็นเนื้อเป็ดเป็นส่วนใหญ่ครับ




แต่สิ่งที่เด็ดที่สุดสำหรับห้องอาหาร Stella ที่ผมและคณะที่ไปกินประทับใจโคตรๆ คือ “เป็ดปักกิ่ง”ครับ
ผมประทับใจมากจนต้องถ่ายรูปทุกขั้นตอนมาเลยทีเดียว 😉

เริ่มตั้งแต่คุณพ่อครัวลากเป็ดตัวโตที่ย่างกันจนหนังกรอบกำลังได้ที่มาแล่เอาหนังมันมาครับ




ผมว่ารสชาติมันกลมกล่อมเอาเสียมากๆ เลยครับ กลิ่นหอมและความกรอบของหนังเป็ดที่เคล้าไปกับซอสหวานปรุงรสพิเศษคล้ายกับความน่าหลงไหลและเย้ายวนของหญิงสาวภายใต้อาภรณ์อย่างแป้งปอเปี๊ยะและเครื่องประดับทั้งแตงกวาและหัวหอม ซึ่งจะช่วยตัดความเลี่ยนและทำให้รสและกลิ่นต่างๆ ละมุนมากขึ้น ,, พูดตรงๆ ว่าสุดยอดมากครับ จานนี้ไม่ควรพลาดเลยครับโดยเฉพาะคนที่ชอบเป็ดปักกิ่งเดิมอยู่แล้ว เยี่ยมมากเลยทีเดียว

ของหวานเค้าก็มีนะครับ
ของหวานจริงๆ ก็คล้ายๆ ของหวานตามร้านอาหารทั่วๆ ไปครับ มีผลไม้ มีเค้ก มีไอศครีม ดูแล้วด็เฉยๆ ครับ เพราะส่วนตัวก็อิ่มมากแล้วกับบรรดานานาอาหารจีนหลายชนิด

ที่เก๋ๆ ก็มีห่ำกอสุ่ยจากใส้เค็มก็มาเปลี่ยนเป็นใส้หวาน น่ากินดีมากๆ ครับ


แต่ที่เก๋เลยจริงๆ คือไอศครีมทำเองครับ มีรสชาติประหลาดๆ แปลกๆ ด้วย เช่นงาดำ และเห็ดหูหนูดำ ,,

ส่วนตัวไอศครีมเห็ดหูหนูตัวไอศครีมพื้นเป็นวนิลา แล้วเติมเห็ดหูหนูบดกำลังได้ที่ลงไป เคี้ยวแล้วมันยัมมี่มาก กรุบๆ กรอบๆ ดี ไม่ได้รู้สึกน่าขยะแขยงหรืออย่างไร ยิ่งกินยิ่งมัน ฮาๆๆๆๆ , ส่วนไอศครีมรสงาดำผมว่าจางไปหน่อย ส่วนตัวผมชอบแบบเจ้มจ้นน่ะครับ

ปิดท้ายกินอิ่มด้วยชาร้อนๆ หรือเก๊กฮวยร้อนๆ ซักคำ จบสมบูรณ์แบบจริงๆ มื้อนี้

และด้วยความอนุเคราะห์จากทางตึกใบหยก 2 ผมจึงได้มีโอกาสขึ้นไปชั้นดาดฟ้าของตึกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ครับ ,, ข้างบนเป็นระเบียงหมุนๆ แต่เป็นแบบค่อยๆ หมุนช้าๆ น่ะครับ ทำให้มองเห็นกรุงเทพฯ แบบรอบทิศ 360 องศาเลย สวยมากๆ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ากรุงเทพฯ สวยมากๆ เลย, แต่ถ้าจะถ่ายภาพตอนกลางคืนก็ลำบากเหมือนกัน


บรรยากาศแบบนี้ต้องลองมาเจอเองน่ะครับ แล้วจะประทับใจไม่ลืม
ที่มากินวันนี้และการติดต่อกับโรงแรมครับ
ส่วนตัวผมตอนแรกคิดว่าราคามันต้องแพงเวอร์แน่ๆ ทั้งส่วนของอาหารและบรรยากาศผมชอบมากๆ ครับ โดยเฉพาะเรื่องวิวที่เราจะสามารถเห็นกรุงเทพฯ ได้ทั่วๆ เลย สวยมากๆ ซึ่งราคาถ้าจำไม่ผิดประมาณ 550 บาทสำหรับบุฟเฟต์ธรรมดา และสำหรับคาราวานทัวร์แบบที่เสิร์ฟถึงห้องจะต้องเสียเพิ่มอีกหน่อยครับ ซึ่งส่วนตัวผมว่าราคาอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้นะครับ เพราะเดี๋ยวนี้บุฟเฟต์ดีๆ ร้านทั่วๆ ไปราคาก็หลักเกือบๆ ห้าร้อยแล้ว
แต่อย่างที่บอกครับว่าโต๊ะที่วิวดีๆ มันมักจะถูกจองไว้ก่อน รวมทั้งบางวันโต๊ะที่ห้องอาหารอาจถูกจับจองที่นั่งไปจนเต็มก่อนโดยเฉพาะช่วงหัวค่ำที่คนจะเยอะมากๆ ส่วนตัวผมแนะนำให้จองมาก่อนครับ หรือถ้ายังก้ำกึ่งๆ ไม่แน่ใจว่าจะมาดีไหมก็ลองโทรมาสอบถามก็ได้ (วันเกิดอย่าลืมเรียกนักดนตรีมาเล่นดนตรีให้ด้วยนะครับ)
ส่วนการติดต่อก็มีหลายช่องทางครับ ทั้ง
- ทาง twitter ที่ @baiyokesky สำหรับอาคารใบหยก 2 และ @baiyokesuite สำหรับอาคารใบหยก 1
- ทาง facebook ที่ หน้า Fanpage ของทางโรงแรมครับ
- ทาง website ของโรงแรมที่ http://www.baiyokehotel.com/ ครับ
- ทางโทรศัพท์ ที่ 02-6563000, 02-6563456 ครับ
แล้วคุณจะหลงไหลกรุงเทพฯ ในมุมมองจากใบหยก (และเป็ดปักกิ่ง) ครับ 😀
กรุงเทพสวยมากกก มองเห็นหนูมั้ย หนูอยู่ใต้ทางด่วนนั่น อิอิ
ไอศกรีมนี่เอ่อ…เห็ดหูหนูเป็นอะไรที่หนูเกลียดมากเลย
ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก มันน่าเกลียดมากเลยนะคะ ในต้มจืดแล้วใส่เห็ดหูหนูอ่ะ
แล้วที่โรงเรียนตอนประถมต้น ต้องกินอาหารถาด แล้วอาจารย์ก็เดินดูๆ
ซึ่งนักเรียนต้อกินให้หมด หนูก็็แอ๊บๆ เขี่ยเห็ดหูหนู แบบว่า
อุ๊ย มันหล่น อุ๊ย ตกถาดมั่ง แต่มันเยอะเกิน เยอะมาก
จนอาจารย์มาเห็น แล้วบัคับให้กินให้ดูต่อหน้า เลวร้ายมากกก T_T
ระทมมากๆ สุดแสนจะเศร้า จากนั้นก็ไม่กินอีกเลย เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง แบบว่าฝังใจ
แต่มาเจอไอติมเห็ดหูหนู โอ้ว แม่เจ้า น่าลองเหมือนกันนิ อิอิ
ปล. หนูบ่นอะไรย๊าว ยาว -*-
รูปสวยงามครับคุณหมอ ราคาก็ถือว่าไม่แพงและสูงจนเกินไป เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่ได้ ถือว่าคุ้ม
หนูเคยขึ้นไปชั้นบนสุดไปดูวิวเฉยๆ ไม่ได้ไปกินบุปเฟ่ต์
อยู่ในลิฟท์ นักดนตรีแบบนี้ขึ้นมาด้วย เห็นหนูถือช่อดอกไม้เลยถามว่าวันเกิดหรอ (วันนั้นวันเิกิดหนู)
เค้าเลยร้องเพลงให้ และคนทั้งลิฟท์ก็ร้องให้ด้วย ปลื้มใจสุดๆไปเลย
ไว้ไปทานบ้างดีกว่า ราคาเนตแล้วเท่าไหร่คะ พี่หมอ
พี่จำไม่ผิด net ก็ 550 แหละนะ , แต่ถ้าเอาชัวร์หรือถามโปรโมชันเพิ่มเติมก็ลองโทรไปก่อนได้ 😉
อ้อ มันมีหลายชั้นนี่นา บุฟเฟ่ต์เนี่ย
ที่ชั้น 82 Crystal Grill
วิวสวยจัง ไอ้ข้าวหน้าต่างๆก้อทำน่ากินเนอะ
เป็ดอร่อยมากครับ สุดๆ และคุ้มค่า กับราคา 550 บาท
เห็นเป็ดตอนแรกคิดว่าหมูหันอ่ะ พรุ่งนี้ไปกินดีกั่ว
รวยแท้แม่นาง
สอบถามหน่อยค่ะ จองไว้วันที่ 25 Dec 10 (dinner) อ่านจาก comment ที่อื่น บอกว่าเป็น รถ Caravan เค้ามาเสริฟ ที่โต๊ะ หรือ ไปเดินตัก แบบ buffer ขอบคุณ
Caravan buffet แปลว่า ไม่ต้องลุกจากโต๊ะเลยค่ะ
นั่งสบายๆ ชิลๆ เดี๋ยวพนักงานเค้าเอาอาหารมาให้เลือกถึงโต๊ะ
ยังไงเตรียมบริหารจัดการกระเพาะให้ดีนะคะ
อย่ารีบทานอิ่มตั้งแต่รถคันแรกๆ เดี๋ยวจะเสียเปรียบ
เพราะจะมีรถมาเสิร์ฟอาหารถึง 10 คัน หรือมากกว่า
ของอร่อยๆ มักจะอยู่ที่ขบวนหลังๆ ค่ะ ขอให้มีความสุขค่ะ
มีปัญหาอะไร หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Twitter: @baiyokesky และ @baiyokesuite ค่ะ